นี่้เป็นหนังเรื่องแรกที่เข้า "จดทะเบียน" ในตลาดหลักทรัพย์บันเทิงให้แฟน ๆ ได้มีส่วนร่วมและลงทุนในภาพยนตร์เรื่องนี้ผ่านทาง ESX.io
ลอสแอนเจลิส, April 16, 2022 (GLOBE NEWSWIRE) -- Skill House เป็นหนังในแฟรนไชส์เรื่องแรกและมีกำหนดจะเริ่มการผลิตหลักในเดือนมิถุนายน 2022 โดยคาดว่าจะออกในต้นปี 2023 โดยหนังเรื่องนี้อิงตามแนวคิดดั้งเดิมโดยผู้ได้รับการเสนอชื่อ EGOT Megaproducer (Emmy, Grammy, Oscar และ Tony) Ryan Kavanaugh โดยหนังเรื่องนี้ได้รับทุนและควบคุมโดย Proxima Studios และเขียนบทและกำกับโดยผู้เป็นตำนานในด้านภาพยนตร์สยองขวัญอย่าง Josh Stolberg ซึ่งเขาเป็นผู้เขียนร่วมที่เขียนบทภาพยนตร์สยองขวัญเช่น Spiral: จาก Book of Saw (นำแสดงโดย Chris Rock และ Samuel L. Jackson), Jigsaw, Piranha 3D, Sorority Row รวมไปถึงตอนต่อไปของภาพยนตร์เรื่อง Saw (ตอนนี้มีชื่ออย่างคร่าว ๆ คือ Saw X) และนำแสดงโดยสุดยอดแห่งโซเชียลมีเดีย Bryce Hall ซึ่งเขาเป็นหนึ่งในดาราโซเชียลมีเดียที่มีผู้ติดตามมากที่สุดในโลกซึ่งมีผู้ติดตามมากกว่า 50 ล้านคนในช่องโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ของเขา
Skill House จะเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกที่จะ "จดทะเบียน" ในตลาดหลักทรัพย์บันเทิง ("ESX") ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มแรกที่ช่วยให้ผู้ใช้ลงทุนในภาพยนตร์และซื้อขายแลกเปลี่ยนในภาพยนตร์และรับผลตอบแทนจากมูลค่าที่เพิ่มขึ้นของภาพยนตร์ได้
Skill House นำแสดงโดย ไบรซ์ ฮอลล์ ผู้มีชื่อเสียงบนโซเชียลมีเดีย ภาพยนตร์จะจี้จุดไปยังผู้มีอิทธิพลในโซเชียลมีเดียและจะเป็นเรื่องของความแน่วแน่ในการสร้างชื่อเสียงอย่างไม่ย่อท้อ ตลอดจนสิ่งต่าง ๆ ที่ดาราหน้าใหม่ ๆ เต็มใจทำเพื่อบรรลุมัน ภาพยนตร์จะได้รับการถ่ายทำใน Sway House คฤหาสน์ใน Bel Air ซึ่งกลายเป็นที่โด่งดังโดยดาราดังของ Tik Tok หลายคน ภาพยนตร์เรื่องนี้จะบิดเบือนภูมิทัศน์ของดารารุ่นเยาว์ที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ "คลิก" มา
Stolberg กล่าวว่า "ผมได้ร่วมงานกับดาราดังของฮอลลีวูดหลายคน เช่น Chris Rock และ Sam Jackson, Carrie Fisher และ Dwayne Johnson… แต่ลูก ๆ ของผมตื่นเต้นกับโปรเจกต์นี้มากกว่าโปรเจกต์อื่น ๆ ที่ผมเคยทำ" "การได้ร่วมงานกับ Bryce Hall และ Ryan Kavanaugh นั้นจะทำให้ภาพยนตร์นี้เป็นภาพยนตร์สยองขวัญแนวใหม่เรื่องแรกอย่างแน่นอน ผู้มีชื่อเสียงบนโซเชียลมีเดียเหล่านี้ล้วนแต่เป็นดาราฮอลลีวูดหน้าใหม่ทั้งสิ้น และพวกเขากำลังคิดค้นความหมายของการเป็นดาราขึ้นมาใหม่ เมื่อเด็กหนุ่มจาก Maryland เช่น Bryce ที่ไม่มีอะไรเลย นอกจากโทรศัพท์มือถือและไฟวงแหวน (ring light) สามารถดึงดูดผู้ติดตามนับสิบล้านคนบนติ๊กต็อกและอินสตาแกรมได้ ซึ่งเป็นการทำให้สนามเด็กเล่นสำหรับทุกคนนี้มีความเท่าเทียมกัน แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีด้านมืดในภูมิทัศน์ความบันเทิงใหม่นี้อยู่ และผมก็ตื่นเต้นที่จะได้พลิกหินก้อนนั้นให้เห็น"
"ภาพยนตร์เรื่องนี้จะเป็นหนังสยองขวัญที่เป็นเรท "ฮาร์ดอาร์ (hard R)" และจะมีแนวทางที่เน้นหนักไปในเรื่องของการประสบความสำเร็จในธุรกิจที่ต้องอาศัยแฟน ๆ ให้ "ชอบคุณ" Stolberg กล่าวเสริมว่า "ไม่มีอะไรที่ผมชอบมากไปกว่าการเขียนฉากฆ่าด้วยเครื่องทำน้ำเย็นแล้ว ... และเราใช้จ่ายในเรื่องของปริมาณเลือดที่เราจะใช้จนเกินงบประมาณไปแล้ว แม้ว่าแนวคิดนี้สามารถเอามาเล่นเพื่อล้อเลียนได้ แต่ผมจะใช้แนวทางที่จริงจังกว่านี้และจะเบนเข็มไปทางด้านความหวาดกลัวและความสยดสยองมากกว่าที่จะให้ไปในแนวขำขัน ผมจะไม่ออมมือหรอกนะ จะใส่ให้เต็มที่เลย ผมได้รับไฟเขียวให้ทำได้แล้วด้วย แล้วผมก็รอไม่ไหวแล้วล่ะนะ!"
Kavanaugh เป็นโปรดิวเซอร์ที่ทำรายได้สูงสุดตลอดกาลอันดับที่ 24 ได้ผลิตและ/หรือให้เงินสนับสนุนภาพยนตร์กว่า 200 เรื่อง เช่น Fast and Furious 3,4,5,6, Social Network, 300, Mamma Mia!, Limitless, Fighter, Zombieland, และเรื่องอื่น ๆ อีกมากมาย Kavanaugh เคยเป็นเจ้าของ Rogue Pictures ซึ่งเปิดตัวภาพยนตร์สยองขวัญมากกว่า 60 เรื่องรวมถึง Strangers, The Unborn, และ My Soul to Take
Kavanaugh กล่าวว่า "ภาพยนตร์เรื่องนี้ตั้งใจที่จะทำลายเส้นกั้นระหว่างปรากฏการณ์บนโซเชียลมีเดียแบบสั้นและเนื้อหาแบบยาว" "Bryce เป็นหนึ่งในผู้มีอิทธิพลซึ่งเป็นที่รู้จักและมีคนติดตามมากที่สุดด้วยผู้ติดตามกว่า 50 ล้านคนและจะเป็นดาราครอสโอเวอร์อย่างแน่นอน ภาพยนตร์เรื่องนี้เจาะลึกเข้าไปในจิตใจของมนุษย์และความกระหายของดารารุ่นใหม่ โดยตั้งคำถามว่าพวกเขาจะไปได้ไกลแค่ไหน ภาพยนตร์เรื่องนี้จะมี เลือดจะมืดมน และจะต้องมีคนพูดถึงอย่างแน่นอน"
Daniel Herther ผู้ดูแลการผลิตและการพัฒนาเชิงสร้างสรรค์ที่ Proxima จะทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการสร้าง ก่อนร่วมงานกับ Proxima Herther ได้ผลิตภาพยนตร์ระทึกขวัญนำแสดงโดย Nic Cage เรื่อง Inconceivable และดำรงตำแหน่งผู้บริหารที่ Relativity Media และ WB's Hollywood Gang (300)
นี่จะเป็นครั้งแรกที่แฟน ๆ สามารถลงทุนในภาพยนตร์สารคดีและมีส่วนร่วมกับภาพยนตร์เรื่องนี้ผ่าน ESX
Bryce Hall เป็นตัวแทนของ Brad Baskin จาก Panther Management ส่วน Ryan Kavanaugh และ Proxima เป็นตัวแทนของ Neil Sacker
เกี่ยวกับ Proxima และ Ryan Kavanaugh
Ryan Kavanaugh เป็นผู้ก่อตั้ง Proxima Media ผู้ก่อตั้งร่วม Triller เขาเป็นหนึ่งในผู้บริหารที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด มีผลงานมากที่สุด และมีเกียรติมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของวงการบันเทิง ด้วยการนำโมลเดลทางการเงินอันชาญฉลาดมาใช้ในด้านการเงินของภาพยนตร์นี้เอง ทำให้เขาได้รับการขนานนามว่าเป็นผู้สร้าง "Moneyball สำหรับภาพยนตร์" เขาผลิต จัดจำหน่าย และ/หรือจัดโครงสร้างทางการเงินให้กับภาพยนตร์มากกว่า 200 เรื่อง ซึ่งสร้างรายได้จากบ็อกซ์ออฟฟิศทั่วโลกมากกว่า 20,000 ล้านดอลลาร์ และได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ทั้งสิ้น 60 เรื่อง เขาเป็นผู้ผลิตภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดตลอดกาลอันดับที่ 25 ผลงานของเขาได้แก่ Fast and Furious 3-6, 300, Social Network, Limitless, Fighter, Talladega Nights, Step Brothers, และ Mamma Mia! Kavanaugh และ Proxima เป็นผู้บุกเบิกข้อตกลงทางการเงินที่ปรับปรุงใหม่ให้กับ Marvel หลังจากที่ล้มละลาย ทำให้สตูดิโอและโครงสร้างทางการเงินเดินหน้าและนำไปสู่การเป็น Marvel Cinematic Universe ได้ เขาสร้างหมวดหมู่ SVOD (สตรีมมิง) กับ Netflix ซึ่งทำให้มูลค่าตลาดของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 2 ดอลลาร์เป็น 1 หมื่นล้านดอลลาร์ Kavanaugh เป็นผู้ก่อตั้งร่วม Triller แอปที่เป็นหนึ่งในสามแอปโซเชียลมีเดียที่เติบโตเร็วที่สุด เมื่อไม่นานมานี้เขาได้เป็นผู้นำการเข้าซื้อกิจการ การควบรวมกิจการ และการเปิดตัวใหม่ของแอปโซเชียลมีเดียและเพลง
นอกจากนี้ เขายังได้สร้างบริษัทโทรทัศน์ที่ทรงอิทธิพล ซึ่งปัจจุบันรู้จักกันในชื่อ Critical Content โดยเป็นบริษัทที่ผลิตรายการยอดนิยมอย่าง Catfish ทาง MTV และ Limitless ทาง CBS ซึ่งเขาได้ขายไปโดยมีมูลค่าการขายที่ 200 ล้านเหรียญ ตัวบริษัทดังกล่าวมีละครโทรทัศน์ 40 เรื่องในเครือข่าย 19 เครือข่ายก่อนที่จะขายไป Kavanaugh ได้รับความสำเร็จและรางวัลมากมาย ตั้งแต่ Producer of the Year Award ของ Variety ไปจนถึง Leadership Award ของ The Hollywood Reporter นอกจากนี้ยังได้รับรางวัลตั้งแต่รางวัล 40 Under 40 Most Influencely People in Business ของ Fortune ตลอดจน Fortune 400 ของ Forbes, Billion-Dollar Producer โดย Daily Variety และ the 100 Most Influential People in the World โดย Vanity Fair
เกี่ยวกับ Entertainment Stock Exchange ("ESX")
Entertainment Stock X (ESX) เป็นแพลตฟอร์มแรกที่จะช่วยให้ผู้ใช้และแฟน ๆ สามารถลงทุนในโปรเจกต์ภาพยนตร์และความบันเทิงต่าง ๆ ผ่าน Jobs Act ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มนวัตกรรมสำหรับการจัดหาเงินทุนในด้านความบันเทิง บริษัทจะช่วยเติมเต็มความต้องการในการจัดหาเงินทุนที่มีรูปแบบใหม่และมีประสิทธิภาพมากขึ้นให้กับผู้สร้างภาพยนตร์ ESX ช่วยให้ผู้สร้างภาพยนตร์สามารถสร้างความสัมพันธ์ทางการตลาดที่มีคุณค่ากับแฟน ๆ ได้โดยตรง และจะช่วยให้แฟน ๆ ลงทุนในภาพยนตร์ได้เป็นครั้งแรก ท่านสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ESX.io
ท่านสามารถดูรูปภาพประกอบการประกาศนี้ได้ที่
https://www.globenewswire.com/NewsRoom/AttachmentNg/57bc3ab2-7d4e-4601-a463-9cfb7d99e918
https://www.globenewswire.com/NewsRoom/AttachmentNg/1b498c69-6617-4ef7-af25-e5dda90f3d34