แบบสำรวจใหม่ยกให้วิศวกรรมความน่าเชื่อถือของไซต์ (Site Reliability Engineering - SRE) เป็นเครื่องเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับประสบการณ์แบบดิจิทัล

ข้อมูลเชิงลึกจาก Global SRE Pulse 2022 แสดงการพึ่งพา SRE มากขึ้นในการมอบประสบการณ์แบบดิจิทัลที่เชื่อถือได้และปลอดภัยโดยการควบคุมกระบวนการใหม่ ๆ และเครื่องมือบนระบบคลาวด์เป็นหลัก


เร้ดวู้ดซิตี้ รัฐแคลิฟอร์เนีย, Aug. 10, 2022 (GLOBE NEWSWIRE) -- วันนี้ Sumo Logic (NASDAQ: SUMO) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มวิเคราะห์ SaaS เพื่อมอบแอปพลิเคชันบนระบบคลาวด์ที่เชื่อถือได้และปลอดภัยได้เปิดเผยผลการสำรวจ Global SRE Pulse 2022 ซึ่งเป็นการสำรวจข้อมูลเชิงลึกจากชุมชนไอทีทั่วโลก โดยเน้นให้เห็นถึงการนำ SRE ไปใช้เป็นโมเดลการดำเนินการหลักสำหรับมอบบริการแบบดิจิทัลและแอปพลิเคชันที่กำลังเพิ่มมากขึ้น การสำรวจนี้จัดทำโดย DevOps Institute เพื่อสร้างบรรทัดฐานให้สถานะปัจจุบันของการใช้งาน SRE

“ด้วยการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของบริการแบบดิจิทัล SRE จึงได้วิวัฒนาการอย่างรวดเร็วไปเป็นศูนย์ความร่วมมือสำคัญระหว่างทีมพัฒนาและทีมปฏิบัติการเพื่อมอบประสบการณ์แบบดิจิทัล” Bruno Kurtic รองประธานผู้ก่อตั้งฝ่ายผลิตภัณฑ์และกลยุทธ์ของ Sumo Logic กล่าว “Global SRE Pulse แสดงให้เห็นว่าในยุคสมัยใหม่นี้ โมเดล SRE เพิ่มมูลค่าให้กับโปรแกรมการจัดการประสิทธิภาพแอปพลิเคชันและการสังเกตการณ์มากยิ่งขึ้นไปอีก SRE ได้กลายเป็นกลุ่มเฉพาะทางที่ตั้งมาเพื่อฉกฉวยโอกาสครั้งใหม่และผลักดันการเติบโต”

อ่าน Global SRE Pulse 2022 ได้ที่นี่

SRE: เราไปถึงขั้นนั้นหรือยัง
ชีวิตประจำวันล้วนเต็มไปด้วยการใช้งานประสบการณ์แบบดิจิทัลที่ขับเคลื่อนโดยบริการแบบดิจิทัล ตลอดช่วงวิกฤติโรคระบาด องค์กรต่างๆ ได้เปลี่ยนมามอบบริการด้านสุขภาพ การสื่อสารผ่านวิดีโอ และความมีชีวิตชีวาทางการเงินมากยิ่งกว่าเดิม เนื่องจากโมเดลการทำงานแบบเสมือนจริงและแบบผสมผสานเริ่มก่อตัวเป็นรูปเป็นร่าง ทั้งหมดนี้ได้ผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลและเป็นย่างก้าวที่เร่งแล้วไม่มีทีท่าว่าจะผ่อน เพื่อให้ก้าวทันการเปลี่ยนแปลงที่จำเป็นนี้ องค์กรต่าง ๆ จึงหันมาใช้ SRE เพื่อเป็นหลักให้ประสบการณ์ทางดิจิทัลที่ดียิ่งขึ้น

ไม่น่าแปลกใจเลยที่ผู้ตอบแบบสำรวจ Global SRE Pulse กล่าวว่าการนำ SRE ไปใช้กำลังมาแรงมาก โดยผู้ตอบแบบสอบถามสูงถึง 62% ได้รายงานว่าองค์กรของตนได้ปรับใช้กระบวนการ SRE แล้วในวันนี้ เมื่อถามว่าองค์กรของตนใช้ประโยชน์จาก SRE อย่างไร:

  • 19% ปรับใช้ SRE ทั่วทั้งองค์กรด้านไอที
  • 55% ใช้ SRE ภายในบางทีม บางผลิตภัณฑ์ หรือบางบริการ
  • 23% กำลังทดลองใช้ SRE และ
  • ผู้ตอบแบบสอบถามสองเปอร์เซ็นต์เลือก “อื่น ๆ” และมีองค์กรเพียงหนึ่งเปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่พยายามนำ SRE ไปใช้แต่ไม่ได้ผล

“การใช้ SRE ยังช่วยสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ จึงทำให้การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลเกิดขึ้นได้เร็วยิ่งขึ้นไปอีก การวิจัยนี้พิสูจน์แล้วว่า SRE ได้กลายเป็นฟังก์ชันทางวิศวกรรมที่สำคัญ และควรยึดเป็นมาตรฐานสำหรับธุรกิจที่ต้องการประสบความสำเร็จในยุคดิจิทับ” Eveline Oehrlich หัวหน้าเจ้าหน้าที่วิจัยของ DevOps Institute กล่าว

Sumo Logic

การควบคุมพลังของ SRE: การนำไปใช้และเครื่องมือต่าง ๆ
ข้อมูลจาก Global SRE Pulse ระบุว่าแต่ละองค์กรนำ SRE ไปใช้ด้วยเหตุผลต่าง ๆ กัน ความน่าเชื่อถือและความปลอดภัยคือเหตุผลอันดับต้น ๆ รวมถึงความต้องการลดความเสี่ยงจากความล้มเหลวของบริการและการหยุดทำงานที่ไม่ได้วางแผนไว้ (68%) ปรับปรุงความสามารถในการแข่งขันด้วยบริการและข้อเสนอน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น (65%) และการรับประกันความพึงพอใจของทีมธุรกิจของคู่ค้าเนื่องจากความถี่และความรุนแรงของข้อผิดพลาดลดลง (59%)

แม้ว่าจะมีความนิยมในการนำ SRE ไปใช้มากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ก็ยังมีอุปสรรคในการปรับใช้เครื่องมือและเทคนิคในการทำงานอัตโนมัติทั่วทุกโดเมนและไซโลข้อมูล ผู้ตอบแบบสอบถามกล่าวว่าตนกำลังปรับใช้เครื่องมือทำงานอัตโนมัติยอดนิยมต่อไปนี้ภายในทีม SRE: ระบบ ITSM/Ticketing (30%), การสังเกตการณ์ (29%), การจัดการการตรวจสอบและประสิทธิภาพ (29%), การจัดการการกำหนดค่า (29%), การจัดการการเผยแพร่ (27%) และเครื่องมือรักษาความปลอดภัย (26%)

โซลูชันการสังเกตการณ์ทำให้ทีม SRE เห็นสิ่งที่จำเป็นต่อการรวบรวมข้อมูลเชิงลึกที่จำเป็นเข้าเป็นสถาปัตยกรรมที่ซับซ้อนและชั้นซอฟต์แวร์ ปัจจุบันทีม SRE กำลังใช้หรือยังคงใช้วิธีการแบบดั้งเดิมในการตรวจสอบสิ่งต่อไปนี้: การตรวจสอบประสิทธิภาพของแอปพลิเคชัน (79%), การตรวจสอบความพร้อมใช้งาน เวลาที่ทำงาน และประสิทธิภาพ (86%) และการตรวจสอบธุรกรรมสังเคราะห์ (60%)

ผู้ตอบแบบสอบถาม Global SRE Pulse ยังกล่าวว่าตนกำลังปรับใช้การตรวจสอบประเภทอื่น ๆ ด้วย รวมถึงประสิทธิภาพของเว็บ (25%), การตรวจสอบผู้ใช้จริง (24%), การรักษาความปลอดภัย (24%) และการตรวจสอบกิจกรรมทางธุรกิจ (23%)

“เนื่องจากยังคงมีการเร่งการปรับแอปพลิเคชันให้ทันสมัยอยู่อย่างต่อเนื่อง SRE จึงอยู่ภายใต้แรงกดดันให้ต้องเผยแพร่เร็วขึ้น” Kurtic กล่าวต่อ “ซึ่งทำให้องค์กรต่าง ๆ ต้องจัดการบริการตามเกณฑ์ทั้งด้านประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และความน่าเชื่อถือ และเมื่อ SRE เข้ามาเป็นหลัก เราคาดว่าจะได้เห็นการเลิกใช้ไซโลมากขึ้นเพื่อให้แก้ไขและทำงานร่วมกันได้รวดเร็วขึ้น”

ตัวยึดแหล่งข้อมูล

ระเบียบวิธีรายงาน
DevOps Institute ได้ทำการสำรวจมืออาชีพ 460 รายที่เกี่ยวข้องกับ SRE จากทั่วโลก ทุกระดับและขนาดองค์กร ตั้งแต่มีนาคมถึงพฤษภาคม 2022 ผู้ตอบแบบสอบถามประกอบด้วยมืออาชีพในสายงานโครงสร้างพื้นฐานและการดำเนินการด้านไอทีเป็นจำนวน 35% และผู้จัดการฝ่ายไอทีระดับ C เป็นจำนวน 23%

ข้อปฏิเสธความรับผิดชอบของ Gartner:
Gartner และ Magic Quadrant เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ Gartner, Inc. และ/หรือบริษัทในเครือในสหรัฐอเมริกาและต่างประเทศ และได้รับอนุญาตให้ใช้ในที่นี้ สงวนลิขสิทธิ์

เกี่ยวกับ Sumo Logic
Sumo Logic, Inc. (NASDAQ: SUMO) เสริมพลังให้ผู้คนเพื่อดำเนินธุรกิจดิจิทัลที่ทันสมัย แพลตฟอร์มการวิเคราะห์ SaaS ของ Sumo Logic ช่วยให้ลูกค้ามอบบริการใช้งานบนระบบคลาวด์ที่เชื่อถือได้และปลอดภัย Continuous Intelligence Platform™ ของ Sumo Logic ช่วยให้ผู้ประกอบการและนักพัฒนาแน่ใจได้ว่าจะได้รับการใช้งานที่เชื่อถือได้ ปลอดภัย และปกป้องผู้ใช้จากภัยคุกคามด้านความปลอดภัยสมัยใหม่ ทั้งยังได้รับข้อมูลเชิงลึกสำหรับโครงสร้างพื้นฐานระบบคลาวด์ของตนด้วย ลูกค้าทั่วโลกต่างไว้ใจ Sumo Logic เพื่อรับข้อมูลวิเคราะห์และข้อมูลเชิงลึกแบบเรียลไทม์ที่มีประสิทธิภาพในทุกโซลูชันการสังเกตการณ์และระบบความปลอดภัยสำหรับการใช้งานบนระบบคลาวด์เป็นหลัก สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ www.sumologic.com

Sumo Logic เป็นเครื่องหมายการค้าหรือเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ Sumo Logic ในสหรัฐอเมริกาและในต่างประเทศ ชื่อบริษัทและผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ทั้งหมดอาจเป็นเครื่องหมายการค้าหรือเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของเจ้าของที่เกี่ยวข้อง

ผู้ติดต่อด้านสื่อ
Carmen Harris, Sumo Logic
charris@sumologic.com

Jenna Shikoff, RH Strategic
SumoLogicPR@RHStrategic.com

สามารถดูรูปภาพต่าง ๆ ที่ใช้ประกอบการประกาศนี้ได้ที่: https://www.globenewswire.com/NewsRoom/AttachmentNg/5b4f9362-2e32-42ea-9671-0349064246e7